การทำงานของคนพิการ

 

ในประเทศไทยตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มีกำหนดถึงสิทธิและประโยชน์ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในกระบวนการจ้างงานคนพิการในหลายมาตรา ได้แก่ มาตรา 33, 34, 35, 36, 37, 38 และ 39 วัตถุประสงค์ของกฎหมายดังกล่าวมีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้คนพิการเข้าถึงโอกาสในการทำงาน ได้ใช้ศักยภาพของตนเอง จนนำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยตนเอง และมีส่วนร่วมสนับสนุนความเป็นอยู่ของครอบครัว นอกจากนั้น ยังมีพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากรและคำสั่งกรมสรรพากรที่ประกาศใช้เพื่อระบุถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการจ้างงานคนพิการโดยสรุปดังนี้

 

พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร

  • มาตรา 33 ให้สถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงาน
  • อัตราส่วน 100:1 คือต้องจ้างคนพิการ 1 คนต่อลูกจ้าง/เจ้าหน้าที่ 100 คน เศษของลูกจ้าง/เจ้าหน้าที่ 50 คน ต้องรับคนพิการเพิ่มอีก 1 คน [1]
  • นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา ฯลฯ) มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า [2]
  • มาตรา 34 หากสถานประกอบการไม่ได้รับคนพิการเข้าทำงานตามจำนวนที่กำหนด ให้ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ จำนวนเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำครั้งล่าสุดในปีก่อนส่งเงินเข้ากองทุนฯ x 365 (วัน) x จำนวนคนพิการที่ไม่รับเข้าทำงาน
  • หากสถานประกอบการที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนฯ แต่ไม่ได้ส่ง ส่งเงินล่าช้า หรือส่งเงินไม่ครบถ้วน ต้องเสียดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของจำนวนเงินที่ยังไม่ได้ส่งเข้ากองทุนฯ
  • นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำจำนวนเงินที่ส่งเข้ากองทุนฯ มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่จ่ายจริง
  • มาตรา 35 ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 หรือสถานประกอบการไม่ประสงค์จะรับคนพิการเข้าทำงานตามมาตรา 33 และไม่ประสงค์จะส่งเงินเข้ากองทุนฯ ตามมาตรา 34 หน่วยงานของรัฐหรือสถานประกอบการนั้นอาจดำเนินการ
    1. ให้สัมปทาน
    2. จัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ
    3. จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการด้วยวิธีพิเศษ
    4. ฝึกงาน
    5. จัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
    6. จัดให้มีล่ามภาษามือ
    7. ให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการก็ได้
  • ตามคำสั่งกรมสรรพากรฯ [3] สถานประกอบการที่ดำเนินการตามมาตรา 35 มีสิทธิได้รับสิทธิทางภาษีดังนี้
    1. การให้สัมปทาน และการจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ ไม่มีสิทธินำมูลค่าการให้คนพิการได้ใช้สิทธิประโยชน์ในทรัพย์สินมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
    2. การจัดจ้างเหมาช่วงหรือจ้างเหมาบริการด้วยวิธีพิเศษที่เป็นไปเพื่อกิจการของตน หรือเป็นไปเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณ-ประโยชน์ โดยเป็นการจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการไปยังสถานที่ดังต่อไปนี้สามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่จ่ายจริง
      ก. ส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
      ข. สภากาชาดไทย
      ค. วัดวาอาราม
      ง. สถานพยาบาลของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล
      จ. สถานศึกษาของทางราชการหรือองค์การของรัฐบาล สถานศึกษาที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน และสถาบันอุดมศึกษาเอกชนตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันศึกษาเอกชน
      ฉ. องค์การหรือสถานสาธารณกุศลที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
    3. การฝึกงาน และการจัดให้มีล่ามภาษามือ สามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่จ่ายจริง
    4. การจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า [4]
    5. การให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ เช่น การซื้ออุปกรณ์ในการประกอบอาชีพให้กับคนพิการ สามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้เท่าที่จ่ายจริง แต่ถ้าให้เงินคนพิการโดยไม่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างงานให้กับคนพิการ กรณีนี้ไม่มีสิทธินำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ

 

  • มาตรา 36 เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมีอำนาจออกคำสั่งเป็นหนังสือให้อายัดทรัพย์สินของสถานประกอบการซึ่งไม่ส่งเงินที่จะต้องส่งตามมาตรา 34

 

  • มาตรา 37 เอกชนซึ่งได้จัดให้มีอุปกรณ์ สิ่งอํานวยความสะดวก หรือบริการในอาคาร สถานที่ ยานพาหนะบริการขนส่ง หรือบริการสาธารณะอื่น ให้คนพิการสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ได้  มีสิทธิได้รับการลดหย่อนภาษี หรือยกเว้นภาษีเป็นร้อยละของจำนวนเงินค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายกำหนด
  • การจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกสามารถนำมาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 2 เท่า [5]

 

 

  • มาตรา 38 สถานประกอบการที่จ้างคนพิการเข้าทำงานมากกว่าร้อยละ 60 ของลูกจ้าง โดยมีระยะเวลาจ้างเกินกว่า 180 วันในปีภาษีใดมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ในปีภาษีนั้น
  • นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการสามารถนำค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการ (เงินเดือน ค่าล่วงเวลา ฯลฯ) มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิได้ 3 เท่า [6]
  • มาตรา 39 ให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมีอำนาจประกาศโฆษณาข้อมูลการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33 มาตรา 34 และมาตรา 35 ต่อสาธารณะอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
    – ในกรณีที่รัฐหรือหน่วยงานของรัฐจะพิจารณาให้สัมปทาน การส่งเสริมการลงทุน การประกาศเกียรติคุณ สินเชื่อ รางวัล เครื่องราช-อิสริยาภรณ์ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดแก่สถานประกอบการ ให้นําข้อมูลที่ได้ประกาศโฆษณาข้อมูลการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรา 33, 34 และ 35 มาประกอบด้วย
    – ปัจจุบัน สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ (พก.) ได้มีการพิจารณารางวัล “องค์กรที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ ประจำปี” ได้แก่
    1. องค์กรที่ส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการตามมาตรา 33, 35
    2. องค์กรที่สนับสนุนคนพิการในด้านต่าง ๆ นอกเหนือจากการดำเนินการตามมาตรา 35
    3. องค์กรสื่อมวลชนที่สนับสนุนงานด้านคนพิการ

 

 

 

การทำงานของคนพิการตามมาตรา 33 และมาตรา 35

สำหรับการทำงานของคนพิการที่ตัวคนพิการเป็นผู้แสดงความประสงค์ในการทำงานและการประกอบอาชีพร่วมกับหน่วยงานนายจ้างที่ปฏิบัติตามกฎหมาย คือมาตรา 33 และมาตรา 35 (มาตรา 33 กำหนดให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการ และหน่วยงานของรัฐรับคนพิการเข้าทำงานในสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐ อัตราส่วน 100:1 และมาตรา 35 ส่งเสริมให้คนพิการได้มีงานทำงานในรูปแบบการทำงานอื่น นอกเหนือจากการเป็นลูกจ้างหรือเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานที่มีความประสงค์สนับสนุนการทำงานของคนพิการ เช่น การให้สัมปทาน การจ้างเหมาบริการ ตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น)

 

การทำงานของคนพิการตามมาตรา 33

คนพิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการสามารถสมัครเข้าทำงานเป็นลูกจ้างของสถานประกอบการหรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ โดยสถานประกอบการจะได้รับสิทธิทางภาษีจากการจ้างงานคนพิการตามมาตรา 33 โดยคนพิการสามารถสืบค้นตำแหน่งงาน หรือรับคำแนะนำเกี่ยวกับการสมัครเข้าทำงานได้จากหลายช่องทาง ดังตัวอย่างแหล่งบริการด้านการจัดหางานคนพิการ ต่อไปนี้

    1. กรมการจัดหางาน มีบริการขึ้นทะเบียนจัดหางานและจับคู่งานที่เหมาะสมกับทักษะและความสามารถให้แก่คนพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ
      – กรุงเทพมหานคร: สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-10 รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานกทม/
      – ส่วนภูมิภาค: สำนักงานจัดหางานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานจังหวัด/
    2. เว็บไซต์ตลาดงานคนพิการออนไลน์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และเว็บไซต์ smart job center โดยกรมการจัดหางาน มีบริการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานสำหรับคนพิการ พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และการติดต่อสมัครงานจากสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ และบริการค้นหาการให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ ฯลฯ ตามมาตรา 35
      http://prjob.dep.go.th/
      https://smartjob.doe.go.th//JSK/JobAnnounce/JobMatching
    3. เพจเฟซบุ๊ก “คนพิการต้องมีงานทำ – มูลนิธินวัตกรรมทางสังคม” โดยมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม มีบริการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานสำหรับคนพิการ พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และการติดต่อสมัครงาน รวมไปถึงข่าวสารการจ้างงานเชิงสังคมสำหรับคนพิการ
      https://www.facebook.com/konpikanthai/
    4. เว็บไซต์ jobsee.me และเพจเฟซบุ๊ก “ตลาดงานผู้พิการ คนพิการหางาน อาชีพคนพิการ” มีบริการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานสำหรับคนพิการ พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และการติดต่อสมัครงาน และบริการให้คนพิการลงประกาศหางาน
      http://jobsee.me/
      https://www.facebook.com/work2disbillity
    5. เว็บไซต์ thaijobsgov.com มีการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานของหน่วยงานรัฐ พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และขั้นตอนการสมัคร
      https://www.thaijobsgov.com/
    6. เว็บไซต์หางานเอกชน มีบริการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงาน พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และการติดต่อสมัครงานจากสถานประกอบการทั่วประเทศ และรับฝากประวัติให้สถานประกอบการเรียกเข้ารับการสัมภาษณ์ คนพิการสามารถเลือกค้นหาได้จากทั้งตำแหน่งงาน ประเภทงานที่ต้องการ วุฒิการศึกษา หรือสถานที่ที่ต้องการทำงาน เป็นต้น
      https://th.jobsdb.com/
      https://www.jobbkk.com/home
      https://www.jobthai.com/
      https://www.jobtopgun.com/StartSearch
      https://www.jobth.com/searchjob.php
    7. เว็บไซต์ห้องตลาดงานคนพิการ โดยมูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย มีบริการประชาสัมพันธ์ตำแหน่งงานสำหรับคนพิการ พร้อมรายละเอียดตำแหน่งงาน และการติดต่อสมัครงานจากสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐ
      http://www.tddf.or.th/job/
    8. เว็บบอร์ดรับสมัครงานคนพิการ โดยมูลนิธิคนพิการไทย มีบริการให้คนพิการประกาศหางานด้วยตนเอง
      http://www.tdf.or.th/webboard/10592/รับสมัครงานคนพิการ

หมายเหตุ: คนพิการที่ต้องการใช้สิทธิเข้าทำงานตามมาตรา 33 ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการเป็นหลักฐานประกอบในการใช้สิทธิ เนื่องจากสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการประกอบการรายงานผลการจ้างงานแก่กรมการจัดหางาน

 

การใช้มาตรา 35 เพื่อการประกอบอาชีพของคนพิการ

นอกเหนือการสมัครเข้าทำงานเป็นลูกจ้างในสถานประกอบการหรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐตามมาตรา 33 แล้ว คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถใช้สิทธิตามมาตรา 35 เพื่อการประกอบอาชีพอื่น ๆ ที่เหมาะสมกับทักษะและความสามารถของคนพิการได้ ได้แก่ การให้สัมปทาน การจัดสถานที่จําหน่ายสินค้าหรือบริการ การจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการด้วยวิธีพิเศษ การฝึกงาน การจัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก การจัดให้มีล่ามภาษามือ หรือการให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการก็ได้

ในกรณีผู้ดูแลคนพิการขอใช้สิทธิแทนคนพิการต้องมีชื่อเป็นผู้ดูแลคนพิการในบัตรประจำตัวของคนพิการที่มาใช้สิทธิแทน คนพิการที่อยู่ในอุปการะต้องไม่สามารถประกอบอาชีพได้ด้วยเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้

    • เป็นผู้เยาว์
    • เป็นผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป
    • เป็นคนไร้ความสามารถหรือเสมอนไร้ความสามารถ (พิจารณาจากคำสั่งศาล)
    • เป็นคนพิการซึ่งมีสภาพความพิการถึงขั้นที่ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ โดยมีหนังสือรับรองจากกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการหรือสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงจังหวัดหรือศูนย์บริการคนพิการระดับจังหวัด

สิทธิตามมาตรา 35

    1. การให้สัมปทาน หมายถึง การให้สิทธิคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการครอบครองหรือใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินในการประกอบอาชีพ เช่น ให้คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการใช้พื้นที่ในการทำเกษตรจำนวน 2 ไร่ เพื่อปลูกผัก และให้เป็นผู้หาประโยชน์จากการขายผักตลอดระยะเวลาการให้สัมปทาน เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่ให้สัมปทาน
      – ติดต่อกรมการจัดหางานซึ่งให้บริการขึ้นทะเบียนการใช้สิทธิตามมาตรา 35 และจับคู่คนพิการกับสถานประกอบการกับหน่วยงานของรัฐที่ให้สิทธิตาม 35 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับกรุงเทพมหานคร: สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-10 รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานกทม/ และส่วนภูมิภาค: สำนักงานจัดหางานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานจังหวัด/
      – ติดต่อเว็บไซต์ตลาดงานคนพิการออนไลน์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และเว็บไซต์ smart job center โดยกรมการจัดหางาน
      http://prjob.dep.go.th/
      https://smartjob.doe.go.th//JSK/JobAnnounce/JobMatching
    2. การจัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ หมายถึง การจัดสถานที่ทั้งภายในหรือภายนอกองค์กรเพื่อให้คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการได้ใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพ เช่น ให้พื้นที่บริเวณโรงอาหารเพื่อให้คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการขายอาหารจำนวน 1 ร้าน และผลประโยชน์และเงินรายได้จากการขายอาหารให้ตกเป็นของคนพิการ เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ
      – ติดต่อกรมการจัดหางานซึ่งให้บริการขึ้นทะเบียนการใช้สิทธิตามมาตรา 35 และจับคู่คนพิการกับสถานประกอบการกับหน่วยงานของรัฐที่ให้สิทธิตาม 35 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับกรุงเทพมหานคร: สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-10 รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานกทม/ และส่วนภูมิภาค: สำนักงานจัดหางานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานจังหวัด/
      – ติดต่อเว็บไซต์ตลาดงานคนพิการออนไลน์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และเว็บไซต์ smart job center โดยกรมการจัดหางาน
      http://prjob.dep.go.th/
      https://smartjob.doe.go.th//JSK/JobAnnounce/JobMatching
    3. การจัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ หมายถึง การจ้างเหมาช่วงงานหรือการจ้างเหมาบริการจากคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการโดยตรง เช่น หน่วยงานทำสัญญาจ้างเหมากับคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการในการทำป้ายไวนิลจำนวน 100 แผ่น ในระยะเวลา 2 เดือน ในราคา 20,000 บาท เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่จัดสถานที่จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ
      – กรมการจัดหางานซึ่งให้บริการจัดหางานจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการให้คนพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับกรุงเทพมหานคร: สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-10 รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานกทม/ และส่วนภูมิภาค: สำนักงานจัดหางานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานจังหวัด/
      – ติดต่อเว็บไซต์ตลาดงานคนพิการออนไลน์ โดยกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และเว็บไซต์ smart job center โดยกรมการจัดหางาน
      http://prjob.dep.go.th/
      https://smartjob.doe.go.th//JSK/JobAnnounce/JobMatching
      – ติดต่อมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม เกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการเชิงสังคม
    4. การฝึกงาน หมายถึง การเพิ่มพูนความรู้ ทักษะ ประสบการณ์ หรือการถ่ายทอดวิทยาการหรือเทคโนโลยีที่สามารถนำไปประกอบอาชีพได้ เช่น หน่วยงานฝึกงานหลักสูตรซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าให้แก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการ จำนวน 30 คน โดยหน่วยงานเป็นผู้จัดหาที่พัก วัสดุ อุปกรณ์ วิทยากร เอกสาร ค่าพาหนะ และค่าเบี้ยเลี้ยง ตลอดการเข้าฝึกงานให้แก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการ รวมระยะเวลาการฝึกงานทั้งสิ้น 6 เดือน เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่ฝึกงาน เช่น 1) โครงการพัฒนาศักยภาพคนพิการโดยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี http://www.pwd.kmutt.ac.th/index.php/news-activities และ 2) หลักสูตรการฝึกงานการโรงแรมสำหรับผู้พิการ มหาวิทยาลัยมหิดล https://rs.mahidol.ac.th/RS-MAP-EX/
    5. การจัดให้มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก หมายถึง การจัดให้มีขึ้นใหม่หรือปรับปรุงสิ่งปลูกสร้าง หรือสิ่งอำนวยความสะดวกแก่คนพิการ โดยดำเนินการในสถานที่หน่วยงานของรัฐ นายจ้างหรือสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการเข้าทำงาน เช่น หน่วยงานจัดให้มีทางลาด ที่จอดรถ ลิฟท์เคาน์เตอร์สำหรับบริการคนพิการทางการเคลื่อนไหว เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่เข้าทำงาน เพื่อขอคำปรึกษาหรือมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นกับหน่วยงานที่เป็นนายจ้าง
    6. การจัดให้มีล่ามภาษามือ หมายถึง การจัดให้มีล่ามภาษามือในหน่วยงานที่มีคนพิการทางได้ยินปฏิบัติงานอยู่ เช่น หน่วยงานที่มีคนพิการทางการได้ยินได้จ้างบุคคลซึ่งจดแจ้งเป็นล่ามภาษามือต่อกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการเพื่ออำนวยความสะดวกในการสื่อสาร โดยหน่วยงานเป็นผู้จ่ายค่าตอบแทนให้ล่ามภาษามือ เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่เข้าทำงาน เพื่อขอคำปรึกษาหรือมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นกับหน่วยงานที่เป็นนายจ้าง
    7. การให้ความช่วยเหลืออื่นใด หมายถึง การให้การสนับสนุนด้านการเงิน วัสดุ อุปกรณ์ ครุภัณฑ์ เครื่องมือ หรือทรัพย์สินอื่น รวมทั้งการซื้อสินค้าจากคนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการโดยตรง เช่น หน่วยงานสนับสนุนจักรเย็บผ้าให้คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการ พร้อมอุปกรณ์ในการเย็บผ้า (ด้าย เข็ม ฯลฯ) เพื่อให้นำไปประกอบอาชีพเย็บผ้า เป็นต้น
      – ติดต่อโดยตรงกับสถานประกอบการหรือหน่วยงานของรัฐที่ให้ความช่วยเหลืออื่นใด
      – ติดต่อมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม ตู้ ปณ. 47 ปณฝ.สนามเป้า กรุงเทพฯ 10406 เบอร์โทรศัพท์ 02 279 9385 โทรสาร 02 279 9345 เว็บไซต์ https://www.sif.or.th/ ในโครงการ “การจ้างงานเชิงสังคมและสนับสนุนการประกอบอาชีพคนพิการ” โดยมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมมีบริการเชื่อมประสานสถานประกอบการกับคนพิการที่ต้องการประกอบอาชีพผ่านการจ้างงานรูปแบบ “การจ้างงานเชิงสังคมและสนับสนุนการประกอบอาชีพ” โดยงานดังกล่าวมีลักษณะดังนี้ 1) งานสนับสนุนหน่วยงานเป็นประจำ เป็นงานที่เน้นให้คนพิการที่มีความพร้อมเดินทางไปปฏิบัติงานในหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรไม่แสวงหากำไรเป็นประจำ ซึ่งหน่วยงานนั้นจะเป็นผู้มอบหมายและติดตามผลการทำงานของคนพิการ 2) งานบริการสังคมที่ต้องลงพื้นที่ (คนพิการต้องกำกับดูแลงานของตนเอง) เป็นงานบริการสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะและเป็นกิจกรรมช่วยเหลือสังคม การปฏิบัติงานเป็นไปในรูปแบบตามแผนปฏิบัติการที่วางไว้ เช่น การเยี่ยมลงพื้นที่ให้กำลังใจคนพิการและผู้สูงอายุที่นอนติดเตียง การประสานเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ที่คนพิการและผู้สูงอายุพึงมี เป็นต้น 3) งานส่งเสริมอาชีพ (ประกอบอาชีพอิสระ) เป็นการสนับสนุนอาชีพให้คนพิการและผู้ดูแลคนพิการที่มีความสนใจในอาชีพอิสระ การสนับสนุนเน้นเป็นเงินทุนในการตั้งต้นประกอบอาชีพที่ไม่ได้จ่ายเป็นค่าแรง เช่น งานปศุสัตว์ งานปลูกผัก งานขายของชำ งานร้านตัดผม เป็นต้น

หมายเหตุ: คนพิการที่ต้องการใช้สิทธิตามมาตรา 35 ต้องมีบัตรประจำตัวคนพิการเป็นหลักฐานประกอบในการใช้สิทธิ เนื่องจากสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวคนพิการประกอบการรายงานผลการดำเนินการตามมาตรา 35 แก่กรมการจัดหางาน

 

สิทธิตามกฎหมายแรงงาน

เมื่อคนพิการเข้าทำงานในสถานประกอบการถือว่าคนพิการนั้นเป็นลูกจ้างของสถานประกอบการตามกฎหมายแรงงาน เพื่อป้องกันไม่ให้คนพิการถูกเอารัดเอาเปรียบในการจ้างงาน คนพิการควรมีความเข้าใจเรื่องสิทธิของตนเองตามกฎหมายแรงงาน ซึ่งมีรายละเอียดเบื้องต้นดังนี้

    • เวลาทำงาน: ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ งานอันตรายตามที่กำหนดในกฎกระทรวงฯ ไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน และไม่เกิน 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
    • เวลาพัก: ในวันที่มีการทำงานให้นายจ้างจัดให้ลูกจ้างมีเวลาพักติดต่อกันไม่น้อยกว่าวันละ 1 ชั่วโมงภายใน 5 ชั่วโมงแรกของการทำงาน
    • วันหยุดประจำสัปดาห์: ต้องไม่น้อยกว่าสัปดาห์ละ 1 วัน โดยมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วัน
    • วันหยุดตามประเพณี: ไม่น้อยกว่าปีละ 13 วัน โดยรวมวันแรงงานแห่งชาติด้วย ถ้าวันหยุดตามประเพณีตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ ให้หยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป และลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างในวันหยุดตามประเพณี
    • วันหยุดพักผ่อนประจำปี: ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีไม่น้อยกว่าปีละ 6 วันทำงาน และลูกจ้างมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างในวันหยุดพักผ่อนประจำปี

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของคนพิการ

    • กรุงเทพมหานคร: สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครเขตพื้นที่ 1-10 รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานกทม/
    • ส่วนภูมิภาค: สำนักงานจัดหางานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.mol.go.th/งานจังหวัด/ 

 

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับสิทธิตามกฎหมายแรงงาน

    • กรุงเทพมหานคร: กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ถนนมิตรไมตรี แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400
      สายด่วน 1506 กด 3
      E-Mail : info@labour.mail.go.th
    • ส่วนภูมิภาค: สามารถติดต่อทางสายด่วน 1506 กด 3 หรือสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด รายละเอียดสถานที่ตั้งและเบอร์ติดต่อ https://www.labour.go.th/index.php/contact/contact-m2

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

“การเข้าร่วมในสังคมของคนพิการในประเทศไทย”

https://www.ilo.org/wcmsp5/groups/public/@asia/@ro-angkok/documents/publication/wcm_041891.pdf

“แนวปฏิบัติตตามมาตรา 35 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556

http://www.thaiarmywives.org/web/downloads/1.pdf

“คู่มือการให้บริการตามมาตรา 33 และมาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 (ฉบับสมบูรณ์)”

https://www.doe.go.th/prd/assets/upload/files/ems_th/15599001b579efff7be56c25e712aa3f.pdf

“สิทธิประโยชน์ทางภาษี กรณีการจ้างงานคนพิการ”

http://www.rd.go.th/ratchaburi/fileadmin/templates/ratchaburi/tax_disability.pdf

“พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556

http://dep.go.th/uploads/Docutents/33cb9847-0905-4854-842e-fec9922ff1e6พรบ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ%20พ.ศ.%202550%20(ปรับปรุงครั้งที่%206).pdf

“10 ช่องทางหางานคนพิการ”

https://www.facebook.com/konpikanthai/photos/pcb.2468889733335905/2468888890002656/

“สิทธิตามกฎหมายแรงงาน”

          https://nakhonnayok.mol.go.th/news/สิทธิตามกฎหมายแรงงาน



[1] กฎกระทรวงกำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนําส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554

[2] มาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553

[3] คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป. 156/2561 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายจากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.157/2561 เรื่อง การเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับรายจ่ายจากการดำเนินการตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550

[4] มาตรา 4 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553

[5] มาตรา 4 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553

[6] มาตรา 3 ของพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ฉบับที่ 499 พ.ศ. 2553 และประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 215) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข การยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างคนพิการเข้าทำงานเกินกว่าร้อยละหกสิบของลูกจ้างในสถานประกอบการ

 

 

Skip to content